วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553

แบดมินตัน

ประวัติแบดมินตัน ประวัติกีฬาแบดมินตัน Badminton แบดมินตัน ประวัติกีฬาแบดมินตัน

จุดเริ่มต้นของกีฬาการเล่นลูกขนไก่ แบดมินตัน แบบเก่าที่เรียกว่า battledore ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นการ เล่นแบดมินตันอย่างที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ เป็นอดีตที่สูญหายไปในประวัติศาสตร์การกีฬา ซึ่งแม้ ว่าจะมีการค้นคว้า อย่างหนักก็ตามก็ค้นพบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับกีฬาที่ว่านี้น้อยมาก หลักฐาน ที่พอจะค้นพบได้ก็คือ ลูกขนไก่แบบ หยาบๆ กับไม้หลายขนาด เป็นรูปทรงที่ไม่สามารถ เรียกว่า แร็กเกต อย่างในปัจจุบันนี้ ได้เลย

รูปแบบ การเล่นกีฬาเก่าแก่อันนี้ในอังกฤษ ช่วงปลาย ศตวรรษ ที่ 14 นั้น ใช้ผู้เล่น สองคนตีได้ลูก ที่ดูคล้ายจรวดด้วยไม้หนาๆ พอมาถึงในศตวรรษที่ 17 แบบ การเล่นและอุปกรณ์ในฝรั่งเศส, สวีเดน และประเทศแถบอื่นๆ ในยุโรป ต่างก็แสดงให้เห็น ถึงชนิดของอุปกรณ์การเล่นตามแบบ อดีตอันเก่าแก่ และมีการเล่นกันอย่างแพร่หลายในหมู่คน ทุกชนชั้นในหลาย ๆ ประเทศในช่วงเริ่มแรกของการกำเนิดลูกขนไก่ และรวมทั้งเกมการเล่นด้วยนั้น ได้รับความรู้จักกันใน ฐานะของลูกบอลขนไก่ มีลักษณะคล้ายลูกบอล เส้น ผ่าศูนย์กลางราว 1 นิ้วครึ่ง ทำจากผ้า, ขนสัตว์ หรืออาจจะเป็นขนไก่ นิ่มที่อัดแน่นเป็นก้อน ใช้แทนลูกขนไก่แบบหยาบในขณะเดียวกัน ลูก กอล์ฟ ในสมัยโบราณก็ใช้วิธีการทำเช่นเดียวกันนี้ และเป็นที่รู้จักกันดีว่าน้ำหนัก ของลูกขนไก่นี้ ต้องหนักเท่ากับจำนวนขนไก่ที่ใส่เอาไว้ในหมวกทรงสูงจน เต็ม ลูกขนไก่ยุคดั้งเดิมนี้มีชื่อเรียก แตกต่างกันออกไป เพราะสามารถทำ ตามรูปร่าง และขนาดได้หลายแบบ เพราะผู้เล่นแต่ละกลุ่มก็มีความคิดเป็น ของตัวเองว่าจะตีลูกแบบไหนถึงจะคล่องมือ แต่โดยทั่วไปแล้วที่ฐานจะทำ จากไม้แล้วมีขนไก่ติดอยู่อย่างไม่จำกัดจำนวน ในยุคนั้น ยังมีปัญหาเกี่ยวกับ การขลิบให้ขนไก่มีระดับเท่ากัน ขนไก่จึงยาวมากแล้วก็ใช้แต่ขน นกเพียง อย่างเดียว อีกอย่างหนึ่งคือ แม้ว่าในยุคนั้นคนในยุโรป และโรมันต่างก็รู้ จักใช้ ไม้ก๊อกกันแล้ว แต่ในอังกฤษกลับมีการพัฒนาการใช้ไม้ก๊อกกับลูกขนไก่ช้า มาก มีการบันทึกกันอย่างเป็นหลักฐานว่า ฝรั่งเศสเพิ่งส่งไม้ก๊อกมาให้อังกฤษ ก็ตอนปี 1780 เข้าไปแล้ว มาในรูปของฝากจุกแชมเปญนั่นแหละ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ก็มี ข้อยืนยันเกี่ยวกับลูกขนไก่ที่ค่อนข้างเหมือนฝาจุก แชมเปญมาก ซึ่งก็คงมาจากการ ที่คนอังกฤษรู้ว่าไม้ก๊อกมีประโยชน์มากอย่างไร แทนที่จะใช้ไม้ที่หนักกว่า แต่ขนไก่ ก็ยังคงเป็น ส่วนประกอบที่สำคัญของลูกขนไก่ มานานนับศตวรรษตั้งแต่ยุคเริ่มแรก ของการเล่นเกมการแข่งขันชนิดนี้แล้ว

แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานยืนยัน แต่อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า การพัฒนาการใช้ขนไก่นั้น คงมาจากการใช้ ปากกา ขนนกของคนในสมัยโบราณด้วย ขณะที่ใช้ทำปากกาส่วนมากจะใช้ขนตรงปีก ของห่าน เพราะมีความยาว และแข็ง แรงกว่าขนนก หรือขนไก่นอกจากนี้ยังสามารถ ตัดให้สั้น หรือนำมาตกแต่งได้มาก จึงเหมาะที่จะนำมาใช้เป็นลูกขนไก่ แล้วก็มีอายุการ ใช้งานใน การเล่นได้นานมาก ด้วย รูปร่างของลูกขนไก่ในสมัยเริ่มแรกนั้น เป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะ น่าสนใจมากพสมควร แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับประโยชน์การใช้งาน ในยุคเริ่ม แรก เพื่อการนำมาวิเคราะห์ในเรื่องแบบของลูกขนไก่ยุคนั้นก็ตามแต่หลักฐาน เริ่มแรกนั้นเริ่มขึ้นในฝรั่งเศสในการเล่นกีฬาที่ต้องใช้แร็กเกตนั้น มีการ เปลี่ยนแปลง เพียงเล็กน้อยจากปัจจุบันเพียงแต่การออกแบบลูกขนไก่ที่ว่านี้ ยังเป็น ปริศนาที่ยัง ไม่มีใครสามารถไขได้ เช่นเดียวกับลูกเทนนิสในยุคเริ่มแรก แม้ว่าวิถี การพุ่งของ ลูกจะแตกต่างกัน ลูกขนไก่ในสมัยนั้น นิยมใช้เล่นกันกลางแจ้ง และเป็น ลูกบอลขนนกบางทีก็ไม่มีน้ำหนักมากนัก ทำให้ลูกปลิวตาม ลมไกลเกินไป ยากแก่การ ตามเก็บ ทำให้มีคนพยายามที่จะออกแบบลูกขนไก่แบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการตีโต้ ได้ดีขึ้นให้จงได้ จากบันทึกเกี่ยวกับเรื่องของลูกขนไก่ซึ่งพบที่แบดบินตันเฮ้าส์ ที่ประทับ ของดุ๊กส์ แห่งบิวฟอร์ด ในศตวรรษที่ 17 และเป็นสถานที่ซึ่งใช้เป็นชื่อเรียกการแข่งขัน ชนิดนี้ในเวลาต่อมาพบว่าเกมในยุคนั้น ยึดถือเอาการตีโต้โดยไม่ให้ลูกตกดิน ระหว่าง ผู้เล่นทั้งสองให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางทีระยะการลอยของลูกก็ไม่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ต่อกติกา และจากบันทึกภายในครอบครัวนั้น พบว่ามีผู้หญิงซึ่งเป็นสมาชิก 2 คน สามารถตีโต้กันได้นานถึง 2,000 ครั้ง โดยที่ลูกไม่ตกลงพื้น ในช่วงปี 1860 มีการถก เถียงกันในกลุ่มนักตีลูกขนไก่ทั้งหลาย เพื่อค้นหาวิธีการเล่นที่น่าสนใจเพิ่มมากขึ้น โดยการใช้ เชือกขึงตรงกลาง แล้วก็ใช้วิธีตีโต้ข้ามเชือกไปมา แต่ยังไม่มีการกำหนด เขตแดนอยู่เหมือนเดิม กีฬาแบดมินตันในยุคเริ่มแรกก็เกิดขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยรับความนิยมอย่าง มากจากเด็ก และผู้ใหญ่ มีลูกขนไก่แบบโบราณซึ่งอยู่ในสภาพ ดีเป็นจำนวนมาก ถูกเก็บรักษาเอาไว้ที่แบดมินตันเฮ้าส์ มีทั้งรูปร่างและขนาดแตกต่าง กันออกไป แต่ก็ล้วนแล้วแต่ใหญ่และหนักกว่าลูกขนไก่ในปัจจุบันมาก มีกำมะหยี่หุ้ม ที่ฐาน และผูกริบบิ้นสีสวยเอาไว้ บางอันก็มีขนห่านติดอยู่ซึ่งอาจจะเอามาจากขนปากกา แต่ส่วนมากทำจากขนไก่ ลูกขนไก่เหล่านี้ได้รับการเก็บรักษาอย่างดี แต่คน ที่ได้เห็น คงไม่รู้หรอกว่า กว่าจะเอามันมาเล่นโต้กันได้นี่ ยากลำบากแค่ไหน ในช่วงกลาง ศตวรรษที่ 19 เริ่มมีกฎกติกาในการเล่นเป็นแบบแผน และมีการตกลง กันอย่างเป็น ทางการ มีการกำหนดขนาดและรูปร่างของสนามในการเล่น จำนวน ผู้เล่นในแต่ละฝ่าย รวมทั้งขนาดและน้ำหนักของลูกขนไก่การกำหนดเหล่านี้เริ่ม เป็นรูปเป็นร่างในที่สุดแต่เกมการแข่งขันยังยึดที่จะเล่นกันในกลาง แจ้งเกือบตลอด ทุกครั้ง เกมการแข่งขันลูกขนไก่อันน่าสนุกนี้ ได้รับการเผยแพร่ไกลออกไป จนถึงอินเดีย ช่วงที่ยังเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ โดยเจ้าหน้าที่ทหารอังกฤษ และภรรยาเป็น ผู้ นำการเล่นนี้มาเผยแพร่ลูกขนไก่ที่ผลิตในอินเดีย มักจะทำขึ้นในบริเวณที่ มีการเล่นเป็นงาน ศิลปะเสียเป็นส่วนใหญ่ ใช้ไม้อ่อนหรือไม้ก๊อกอย่างหยาบเป็นฐาน และใช้ขนไก่ ซึ่งทำให้การ ลูกไม่ตรงเท่าที่ควร คนทำลูกขนไก่ส่วนมากต่างก็มีแนวความคิดในการออกแบบของ ตัวเอง ว่าจะต้องดีที่สุด อย่างลูก ขนไก่อันหนึ่งซึ่งทำขึ้นในปี 1865 ถูกเก็บรักษาอย่างดีเอาไว้ใน พิพิธภัณฑ์ ใช้ขนไก่ 36 อัน ยาวอันละ 4 นิ้ว และมี ความกว้าง 5 นิ้วครึ่ง แต่ไม่มีการเย็บรอบ ๆ ขนเพื่อควบคุมการพุ่งของลูก ทำให้ลูกพุ่งได้ไม่ไกลนัก ที่ฐานคลุม ด้วยกำมะหยี่ และเย็บเอาไว้ อย่างเป็นระเบียบ และผูกด้วยเชือกอีกทีหนึ่ง น้ำหนักของลูกขนไก่ลูกนี้มากกว่าหนึ่ง ออนซ์ ใน ขณะที่ลูกขนไก่ในปัจจุบันหนักแค่ 1/5 ออนซ์เท่านั้นเอง แต่ก็ต้องยอมรับว่า มันคงจะเป็นลูก ขนไก่ที่มี ประสิทธิภาพมากในยุคนั้นเพราะยังไงเสียมันก็เป็นหลักฐานแสดงว่าได้รับเป็น ลูก ขนไก่ที่ใช้ในการประกวดการผลิตลูก ขนไก่ ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศในบรรดาลูกขนไก่ที่มี น้ำหนักมากกว่าทั้งหลาย นอกจากนี้ยังมีลูกขนไก่อีกอันหนึ่งที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีใน พิพิธภัณฑ์เดียวกัน มีขนไก่ 19 อัน ความยาว 3 นิ้ว มีฐานเป็นไม้ก๊อก พื้นเรียบ มีริบบิ้นผูกติด เอาไว้ด้วย แล้วก็เป็นลูก ขนไก่ซึ่งนิยมใช้เล่นกันมากในช่วงปี 1920 ด้วย ต้องนับว่า เรายังโชคดีกว่าคนสมัยก่อนมาก ที่ไม่ต้องออกแรงหวดลูกขนไก่ที่หนักมากอย่างใน สมัยก่อน เพราะไม่งั้นคงมือโตกันไปตาม ๆ กันก่อนแน่ มีช่วงหนึ่งที่คนเล่นในสมัย ก่อนประสบปัญหาที่ว่าแผ่นหนังที่หุ้ม battledore ของ ตัวเองนั้น มีเสียงดังเกินไป ในเวลาเล่น และไม่แข็งแรงพอที่จะทานน้ำหนักที่หนักมากของ ลูกขนไก่เลยทำให้ คนพยายามคิดค้นการใช้เส้นเชือกมาขึงเอาไว้บนเฟรมไม้ตี ตอนแรกนั้น ยังเป็นแค่ เส้นหนังที่ขึงเป็นเส้น ๆ เรียงกัน จนกระทั่งมีคนคิดค้นวิธีการนำเส้นเอ็นมาใช้ แทน การใช้เอ็นขึงบนไม้เริ่มมีขึ้นครั้งแรกในรอยัลเทนนิส ในฝรั่งเศสกีฬาที่มีการก่อตั้งขึ้น ในยุคนั้น แล้วก็ดูเหมือนว่าคนจะคิดใช้ประโยชน์จากเส้นเอ็นสำหรับเครื่องดนตรี เท่านั้นเอง ก่อนที่จะมีการนำมาใช้กับแร็กเกตโดยเฉพาะ มีการบันทึกเอาไว้ว่าการ นำเอาเส้นเอ็นมาขึง บนไม้ตีแบดในอังกฤษเป็นครั้งแรก อยู่ในช่วงปี 1880 หลังจากที่พวกสโมสรชั้นสูงมีการคิด ค้นกันขึ้นมาแล้วก็กลายเป็นที่ยอมรับกัน เพราะมันยืด หยุ่นได้ดีกว่าหนัง และมีอายุการใช้ งานนานเป็นที่น่าพอใจด้วย แล้วก็ช่วงนั้นอีกเหมือนกัน ที่มีคนพยายามจะผลิตลูกขนไก่ให้ ได้มาตรฐาน เพื่อให้มีน้ำหนักเบาขึ้น และให้ขนที่แผ่ออก มานั้นมีวงแคบลง เพื่อจะได้ตีได้ไกล เพิ่ม มากขึ้น พบว่าคอร์ตบางแห่งมีความยาวถึง 55 ฟุต และอาจจะยาวเพิ่มมาก ขึ้นไปอีกแล้ว แต่ความเหมาะสมอย่างเช่น การเล่นคู่ที่ต้องการให้ สะดวกมากที่สุด การพัฒนาทั้งเกมการเล่น และลูกขนไก่เองนั้น เริ่มเกิดขึ้นโดยพวกนาย ทหารอังกฤษที่ประจำการในอินเดีย การเล่นแบดมินตันจากการเผยแพร่ของ พวกเขาทำให้ มันกลายเป็นที่นิยมในอินเดียอย่างแพร่หลาย และการเล่นกันใน กลางแจ้งก็ถือว่าเป็นเรื่อง ที่ธรรมดาเพิ่มมากขึ้น บางที่ก็มีการเล่นกันใน อินเตอร์ โดยเฉพาะในค่ายทหาร เชื่อว่ากฎ เกณฑ์หยาบๆ ในการแข่งขันนั้น มีขึ้นที่เมืองปูนา ในช่วงปี 1874 แต่ก็ยังไม่มีรายละเอียด เกี่ยวกับเรื่องลูกขนไก่ และระยะเขตแดนอย่างไร หลัง จากนั้นไม่นาน ในปีเดียวกัน สโมสร ทหารก็ได้รับ การก่อตั้งขึ้นที่เมืองฟอล์คสโตน ในอังกฤษ ซึ่งใกล้กับป้อมชอร์นคลิฟฟ์ และ เมืองปอร์ตสมัธ

เชื่อว่ามีการเริ่มเล่นอย่างแพร่ หลายโดยพวกทหารทั้งพวกที่ กำลังจะไปประจำการ และพวกที่ ถูกปลดประจำการแล้วพวกที่สโมสรอื่น ๆ ก็เอาตามกันบ้าง แต่เกมการแข่งขัน ในอดีตค่อน ข้างจะเป็นการเล่นกันสนุก ๆ ในปาร์ตี้น้ำชาของบ่ายวันเสาร์ มากกว่าที่จะเป็นเกมการแข่งขัน อย่างจริงจัง ลูกขนไก่ที่ใช้ในช่วงนั้น เป็นลูกที่ยังหยาบอยู่มาก และมีการออกแบบที่แตกต่าง กันออกไป ซึ่งก็แตก ต่างกันออกไปในระยะการลอยของลูก แต่ยังเป็นปัญหาสำหรับผู้เล่นอยู่ มีบทความในนิตยสารฉบับหนึ่ง แนะว่าผู้เล่นควร จะใช้ลูกที่มีน้ำหนักประมาณหนึ่งออนซ์ครึ่ง ถึงสองออนซ์ ก่อนที่จะติดขนไก่เข้าไป ควรเอาไปทากาว แล้วก็ร้อยเชือก เป็นตะเข็บเข้าออก เพื่อช่วยยึดขน ตามความคิดเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญนั้นวิธีการนี้จะทำให้ลูกขนไก่ทนทาน มากยิ่งขึ้น และลอยได้ไกลขึ้นด้วย เป็นหลักฐานยืนยันว่าลูกขนไก่ ในสมัยนั้นลอยได้ไกลมาก กว่าลูกขนไก่ในปัจจุบันเสียอีก

ในปี 1893 สมาคมแบดมินตันแห่งอังกฤษก่อตั้งขึ้น และการ แข่งขันแบดมินตันออลอิงแลนด์ก็ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรก ในปี 1899 นช่วงนั้นเองที่ลูกขนไก่ เริ่มมีมาตรฐานเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกับสโมสรที่ก่อตั้งกัน ขึ้นมาใหม่มากมาย แม้ว่าจะ ไม่มี รายละเอียดอะไรมากนัก ลูกขนไก่คุณภาพดีของยุคนั้น บางส่วนผลิตในฝรั่งเศสที่ซึ่งกีฬา แบดมินตันมีการเล่นอยู่ใน บางปี ลูกขนไก่ที่ผลิตขึ้นนั้นมีชื่อว่า “บาร์เรล” เพราะมีลักษณะ เหมือนถึงใช้ขนไก่กันอยู่เหมือนเดิม โดยการสอดเข้าไปในไม้ก๊อก และเอาด้านเรียบของ ขนออกด้านนอก เรียงรอบไม้ก๊อกเป็นวงกลมเหมือนกับรูปถังไม้ ทำให้มันถูกเรียก เช่นนั้น ลูกขนไก่เหล่านี้ส่วนมากเย็บตะเข็บติดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งก็ไม่มีประโยชน์อะไรนัก และเย็บรอบ ๆ ยอดของก้านขนที่ฐาน มีการบันทึกเอาไว้เป็นครั้งแรกเกี่ยวกับการเย็บรอบขน เพื่อ ยึดให้แน่น และไม่มีการบันทึกว่าผู้ผลิตเป็นครั้งแรกนี้มี ชื่อว่าอะไร แม้ว่าเขาจะทำให้ลูกขนไก่ได้คุณภาพ และรูปร่างมาตรฐานแล้ว มีการออกแบบสร้างลูกขนไก่อย่างแน่นอนขึ้น แม้ว่าน้ำหนักลูกจะยัง ไม่ใช่สิ่งสำคัญอยู่ เหมือนเดิมก็ตาม ช่วงนั้นที่ฐานของลูกคลุมเอาไว้ด้วย หนังชามัวส์ฝรั่งเศส อย่างดี ส่วนตรงขนก็ทำจากขนไก่ ซึ่งมีความทนทานไม่มากนัก แต่หลังจากนั้นอีกสองสามปี ก็มีการเปลี่ยนมาใช้ขนส่วนปีกของห่านแทนเพราะมันกลายเป็นตำรับอาหาร ชั้นเลิศของชาว ฝรั่งเศสอย่างหนึ่งที่เป็นที่นิยมกันมาก เป็นไปได้ที่ลูกขนไก่ที่ทำ จากขนห่าน รุ่นแรกก็มาจาก ฟาร์มเหล่านี้ ทำให้มันกลายเป็นลูกขนไก่ที่มีคุณภาพ มาก แล้วก็ถูกนำไปใช้ ในโรงงานทำ ลูกขนไก่อย่างกว้างขวาง จนกระทั่งมาเลิก ใช้เมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง

ในช่วงที่เพิ่งเริ่มมีการแข่งขัน ใหม่ๆ ในอังกฤษ บรรดาผู้เข้า แข่งต่างก็พากันมีปัญหา กับการลอยของลูกขนไก่บาร์เรลกันมาก ยังมีลูกขนไก่ แบบนี้เหลืออยู่ในปัจจุบันบ้าง เล็กน้อย เมื่อนำมาทดสอบระยะการลอยของลูก ซึ่งสร้างในปี 1911 ปรากฏว่าลูกพุ่งไป ได้ 55 ฟุต ในการตีด้วยแรงธรรมดาของ ผู้เล่น ในขณะที่ลูกขนไก่ในปัจจุบัน พุ่งไป ได้ 42 ฟุต ดังนั้นคงพอสรุปได้ว่าการ แข่งขันในยุคนั้นคงจะเร็วและหนักหน่วงมาก เพื่อการทำให้ลูกไปตกที่เส้นท้าย คอร์ตตลอดเวลา ลูกขนไก่บาร์เรลถูกใช้ในการ แข่งขันออลอิงแลนด์ครั้งแรกด้วย แต่อายุการใช้งานของมันค่อนข้างสั้น แล้วมันก็มี ระยะการลอยไม่เท่ากัน จึง ไม่ใช่ลูกที่สมบูรณ์มากที่สุด

ในปี 1909 หลังจากที่สมาชิกของสมาคมแบดมินตัน แห่งอังกฤษมีการปรึกษาหารือ กันลูกขนไก่ชนิดใหม่ซึ่งเป็นต้นแบบของลูกขนไก่ ที่ใช้ในปัจจุบัน ก็ถูกนำมาใช้ใน การแข่งขันแทนลูกขนไก่แบบใหม่นี้ ผลิตใน อังกฤษโดย เอฟ.เอช. อายเรส ขนที่ ใช้ก็ยังเป็นขนห่านเหมือนเดิม แต่ติดขนด้าน เรียบไว้ด้านใน เพื่อการเย็บให้โค้ง ตามรูปขนนกที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด ลูกขน ไก่เหล่านี้ทำด้วยมือทั้งหมด ไม้คอร์กที่ ใช้ก็เป็นไม้คุณภาพดีที่ใช้กับจุกไวน์ชั้น หนึ่ง ถูกทำให้เป็นรูปโดมด้วยเครื่องกลึง และครอบอีกครั้งด้วยหนังอย่างดี การผลิตค่อย ๆ พัฒนาต่อไปช้า ๆ ในแต่ละปี สำหรับใช้ในการแข่งขันแบดมินตัน ออลอิงแลนด์จนถึงปี 1938


แบดมินตัน เป็น กีฬาชนิดหนึ่ง ที่ใช้ไม้ตีลูก ลูกสำหรับใช้ตีนั้น เรียกกันมาช้านานว่า "ลูกขนไก่" เพราะสมัยก่อนกีฬานี้ใช้ขนของไก่มาติดกับลูกบอลทรงกลมขนาดเล็ก ปัจจุบันลูกขนไก่ผลิดจากขนเป็ดที่คัดแล้ว ลูกบอลทรงกลมขนาดเล็กที่ทำเป็นหัวลูกขนไก่ทำด้วยไม้คอร์ก ราคาลูกขนไก่ที่ใช้ในการแข่งขันจะอยู่ที่ประมาณลูกละ40-50บาท

กีฬาแบดมินตันจะ แบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่าย และแบ่งการแล่นออกเป็น 2 ประเภท คือ "ประเภทเดี่ยว" แบ่งผู้เล่นออกเป็นฝ่ายละ 1 คน และ "ประเภทคู่" แบ่งผู้เล่นออกเป็นฝ่ายละ 2 คน การเล่นรอบหนึ่งเรียกว่า 1 เกม เกมละ 3 เซ็ต ตัดสินแพ้ชนะ2ใน3เซ็ต มีกำหนดคะแนนสูงสุด 21 คะแนน ฝ่ายใดทำคะแนนได้ถึง 21 คะแนนก่อนจะเป็นผู้ชนะในเซ็ตนั้น

ประวัติแบดมินตัน

กีฬาแบดมินตันมีความเป็นมาไม่ชัดเจนนัก ซึ่งจากหลักฐานต่างๆ จะสามารถบ่งบอกที่มาของกีฬาประเภทนี้ไว้ที่หลายยุค เช่น

ในจีนช่วงคริสต์ ศตวรรษที่ 7 มีภาพวาดเก่าๆ ซึ่งบ่งบอกว่ามีการใช้ขนไก่มาทำเป็นลูกขนไก่ใช้ในการเล่น ซึ่งตอนนั้นจะใช้เท้าเตะกัน 2 คนหรือจะตั้งวงกัน 3-4 คน
คริสต์ศตวรรษที่ 13 ชาวอินเดียแดงในอเมริกาตอนใต้ ใช้ขนนกหรือขนไก่พูกติดกับลูกกลมโดยลูกบอลกลมนั้นใช้หญ้าฟางพันขมวดเข้าด้วย กัน และให้ขนไก่ชี้ไปทางเดียวกันและเวลาเล่นใช้มือจับลูกขนไก่นั้นปาใส่ผู้เล่น คนอื่น
คริสต์ศตวรรษที่ 14 ชาวญี่ปุ่นได้มีการใช้ขนไก่ หรือขนนกเสียบผูกติดกับหัวไม้ และใช้ไม้ตีลูกขนไก่นั้น โดยไม้ที่ใช้ตีทำมาจากไม้กระดาน ตีลูกขนไก่ไปมา
ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 ในแถบยุโรปมีการเขียนภาพสีน้ำมันถึงการเล่นกีฬาแบดมินตันในราชสำนักต่าง ๆ
พระราชินีคริสตินาแห่งสวีเดนทรงจำลองไม้แบดมินตันมาจากแร็กเกตในกีฬาเทนนิส และใช้ขนไก่หรือขนนกเสียบติดกับหัวไม้ก๊อก
เจ้าฟ้าชายเฟรดเดอริค มกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์ก ทรงแบดมินตันในลักษณะเดียวกัน แต่ในตอนนั้นเรียกแบดมินตันว่า "แบทเทิลดอร์กับลูกขนไก่"
คริสต์ศตวรรษที่ 18 ในเยอรมนีกษัตริย์ของปรัสเซียเฟรดเดอริคมหาราช และพระเจ้าหลานเธอเฟรดเดอริค วิลเลียมที่สอง ทรงแบดมินตันในลักษณะเดียวกัน และในประเทศอังกฤษมีเรื่องเล่าว่าในปี ค.ศ. 1870 นายทหารคนหนึ่งที่ไปประจำการอยู่ในเมืองปูนา ประเทศอินเดียได้เห็นกีฬาตีลูกขนไก่จึงนำกลับไปเล่นในอังกฤษ และในอังกฤษ ณ คฤหาสน์ “แบดมินตัน” ของดยุคแห่งบิวฟอร์ด ที่ตำบลกล๊อสเตอร์เชอร์ ในปี ค.ศ. 1873 เกมกีฬาตีลูกขนไก่จึงถูกเรียกว่า “แบดมินตัน” ตามชื่อของสถานที่นับตั้งแต่นั้นมา

การเล่นแบดมินตัน

กติกาเบื้องต้น แบดมินตัน
การออกนอกเส้น มีการกำหนดเส้นออกแต่งต่างกันในกรณีเล่นเดี่ยวและเล่นคู่
การเสิร์ฟลูก ตามกติกา ที่ถูกต้อง คือ
หัวไม้ขณะสัมผัสลูกต้องต่ำกว่าข้อมืออย่างเห็นได้ชัด
หัวไม้ขณะสัมผัสลูกต้องต่ำกว่าเอวอย่างเห็นได้ชัด
ผู้เล่นต้องไม่ถ่วงเวลา หรือเสริฟช้า หรือเสริฟ 2 จังหวะ การเสริฟ ต้องเสริฟไปด้วยจังหวะเดียว
ขณะเสิร์ฟ ส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าทั้ง 2 ข้างต้องสัมผัสพื้นตลอดเวลา
การเสิร์ฟลูกที่ถูกต้อง ต้องให้แร็กเก็ตสัมผัสกับหัวลูกก่อน หากโดนขนก่อนถือว่าผิดกติกา
ขณะตีลูกโต้กัน ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายหรือไม้แบดไปสัมผัสกับเน็ท
ห้ามตีลูกที่ฝั่งตรงข้ามโต้กลับมาในขณะที่ลูกยังไม่ข้ามเน็ทมายังแดนเรา(Over net)

การดิวส์
หากผู้เล่นทั้งสองฝ่ายทำคะแนนได้เท่ากันในคะแนนที่ 20 จะมีการเล่นต่อ จนกว่าว่าจะมีคะแนนมากกว่าฝ่ายตรงข้าม 2 คะแนน แต่ถ้ายังไม่สามารถทำคะแนนห่างกัน 2 แต้มได้ จะเล่นต่อไปเรื่อยๆ แต่ เมื่อแต้มได้ 29 เท่ากัน ใครที่ทำได้แต้ม 30 ก่อนจะเป็นฝ่ายชนะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น